5 จุดเปรียบเทียบ ยืมเงินผ่านแอป VS กู้เงินกับธนาคาร

บอกเลยว่าสงคราม FinTech ในปัจจุบันนี้รุนแรงกว่าเดิมเยอะมาก เพราะไม่ว่าจะสถาบันการเงิน หรือธนาคารเองก็ต่างให้ความสำคัญกับเรื่องของการยืมเงินผ่านแอปกันทั้งสิ้น ส่งผลให้เกิดเป็นสงครามการใช้บริการเงินดิจิทัลขึ้นนั่นเอง ซึ่งสงครามตัวนี้แต่ก่อนยังไม่เห็นภาพเด่นชัดเท่าไหร่ เพราะหากเราอยากจะยืมเงินด่วนจากใครสักคน อยากยืมเงินฉุกเฉินสักครั้ง ไม่ว่าจะ 500 1,000 2,000 3,000 5,000 หรือหลัก 10,000 บาท เราก็ต้องเข้าไปติดต่อกู้เงินกับธนาคารอยู่ดี

สมัครแอพยืมเงินได้จริง

หรือช่วงหลังๆ มานี้ธนาคารออกแอปพลิเคชันมาเอง เป็นการกู้เงินผ่านแอป แอปเงินด่วน ให้ใช้บริการขอสินเชื่อต่างๆ ได้ทันที ซึ่งนี่เองทำให้หลายๆ คนติดใจ ชื่นชอบ และใช้บริการกันเยอะมาก 

แต่ตอนนี้โลกของเราได้เปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อมีแอปเงินด่วน แอพยืมเงินได้จริง แอพกู้เงินต่างๆ ผุดขึ้นมาเอาใจผู้ที่ต้องการยืมเงินฉุกเฉินราวกับดอกเห็ดทั้งในระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ด้วยความง่ายกว่ากันมากมาย รู้ผลลัพธ์อนุมัติไวใน 30 นาที ทำให้การกู้ยืมผ่านแอปกู้เงินนั้นเปลี่ยนไป คนหันไปใช้การยืมเงินผ่านแอปพวกนั้นมากขึ้น ปล่อยแอปธนาคารเงียบเหงา 

และวันนี้เราจึงได้จับแอปกู้เงินต่างๆ มา VS กับแอปสินเชื่อเงินด่วนธนาคาร ให้เพื่อนๆ ได้ดูจุดเด่นจุดด้อยของทั้ง 2 ตัวนี้กัน จะได้เลือกตัดสินใจใช้บริการถูก 

 

ความหลากหลายของสินเชื่อ

อันดับแรกในเรื่องของความหลากหลายของสินเชื่อนั้น แอพยืมเงินได้จริงจากธนาคารจะทำหน้าที่ได้ดีกว่า เพราะสถาบันการเงินหรือธนาคารต่างๆ มักจะมีผลิตภัณฑ์มากมายให้เราเลือกใช้ในรูปแบบของสินเชื่อที่ตอบโจทย์ได้แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อความปลอดภัย หรือแม้แต่สินเชื่อเพื่อการศึกษาก็ตาม ซึ่งทั้งหมดนี้การยืมเงินผ่านแอปทั่วไปจะให้ไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่จะมีสินเชื่อแค่ตัวเดียวให้เราใช้บริการนั่นเอง

สมัครแอพกู้เงินด่วน

วงเงินการกู้ยืม

สำหรับการกู้ยืมเงินผ่านแอพของธนาคาร ก็จะเหมือนกับการขอสินเชื่อที่ธนาคารปกติ โดยส่วนใหญ่แล้วจะให้วงเงินการกู้ไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน หรือแล้วแต่สินเชื่อนั้นๆ เช่น สินเชื่อบ้านอาจกู้ยืมได้หลักล้าน เป็นต้น ซึ่งนับว่าเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งานแอปกู้เงิน 

แต่สำหรับการยืมเงินผ่านแอปออนไลน์ทั่วไปจะได้วงเงินที่ค่อนข้างต่ำกว่านั้นมากทีเดียว เพราะบางแอปให้กู้ยืมได้แค่หลักร้อย บางแอปแค่หลักพัน หรือสูงสุดเต็มที่ก็มีหลักหมื่น แต่กว่าจะยืมได้เยอะขนาดนั้นอาจจะต้องผ่านการกู้ยืมมาแล้วหลายครั้งและชำระเงินตรงตามกำหนด เพื่อสร้างเก็บเป็นเครดิตการยืมให้กับตัวเองเสียก่อน

 

ความรวดเร็วในการอนุมัติ 

ตรงนี้ต้องบอกว่าการยืมเงินผ่านแอปออนไลน์ หรือพวกแอปกู้เงิน แอปยืมเงินได้จริง จะทำได้ดีกว่าแอปของธนาคารมากทีเดียว เพราะแอปกู้เงินด่วนพวกนี้เค้าไม่ตรวจสอบอะไรมากมายให้วุ่นวาย เสียเวลา เป็นเหมือนกับจุดเด่นตัวชูโรงของเค้าที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนร้อนเงินโดยเฉพาะเลยก็ว่าได้ บางเจ้าอนุมัติไวใน 30 นาทีก็มี 

แต่หากคุณไปยืมเงินผ่านแอปของธนาคาร กู้สินเชื่อล่ะก็ รับรองว่ากว่าจะตรวจสอบข้อมูลเสร็จ กว่าจะรู้ผล กว่าจะอนุมัติเงินให้ เผลอๆ ใช้เวลาเป็นอาทิตย์เลยทีเดียว 

สมัครยืมเงินด่วนฉุกเฉิน

ความยุ่งยากในการกู้ยืม

ตรงส่วนของความยุ่งยากนี้บอกเลยว่าถ้าคุณยืมเงินผ่านแอปของธนาคาร คุณต้องตรวจสอบตั้งแต่คุณสมบัติตัวเอง ต้องตรวจสอบทั้งวงเงินกู้ ทั้งเครดิตบูโรว่าเคยค้างชำระหนี้มั้ย ต้องมีการวางแผนเตรียมตัวที่เยอะมาก ซึ่งโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อเงินด่วนนี้มีน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ใครหลายคนไม่สามารถใช้บริการกู้ยืมเงินผ่านแอปธนาคารได้ และมองหาช่องทางการกู้เงินด่วนนอกระบบแทนนั่นเอง

แต่ตรงนี้บอกเลยว่าคุณไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเสมอไป เพราะหากอยากยืมเงินออนไลน์ผ่านแอป พวกแอป iOS หรือ Android มีให้คุณเลือกใช้มากมาย เค้าเหล่านี้ไม่เก็บเอกสารใดๆ ไม่ตรวจสอบประวัติ และพร้อมให้คุณกู้ยืมอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญเป็นการกู้ยืมในระบบที่มีกฎหมายคุ้มครองด้วย ใช้บัตรประชาชนแค่ใบเดียวจบ ถึงจะได้วงเงินน้อย แต่ง่ายและไวมาก 

 

อัตราดอกเบี้ย

สุดท้ายแล้วเรื่องที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาดในการใช้งานแอพยืมเงินได้จริงไม่ว่าจะแอปออนไลน์ หรือของธนาคาร ก็คือการเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย ซึ่งตรงนี้ต้องขอยกให้ธนาคารชนะไป เพราะหากยืมเงินผ่านแอปธนาคารจะมีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ 28% ต่อปีเท่านั้น และมีการกู้ยืมในระยะยาวขึ้นมา

แต่การยืมเงินผ่านแอปออนไลน์คุณจะโดนดอกเบี้ยที่แพงกว่านั้น หรืออาจจะน้อยกว่านั้น แต่ระยะเวลาการคิดดอกเบี้ยจะไวขึ้น เช่น คิดดอกเบี้ยทุกๆ 1 อาทิตย์เป็นต้น ทำให้จากการกู้ยืมเพียงเล็กน้อย อาจกลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่อย่างที่คุณคาดไม่ถึง

ยืมเงินฉุกเฉินผ่านแอพ

แต่ไม่ว่าจะกู้ยืมเงินผ่านแอพตัวไหน ของธนาคาร หรือของทางออนไลน์ ก็ช่วยตอบโจทย์เรื่องปัญหาการเงินของคุณได้ หากเลือกใช้อย่างเหมาะสม สำคัญที่สุดคือ คุณต้องรู้ความต่างเหล่านี้ และเปรียบเทียบกับความต้องการของตัวเองว่าเราเหมาะสมกับแบบไหน เพื่อที่สุดท้ายจะได้เลือกใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ได้อย่างพอดี ชำระหนี้คืนได้แบบครบถ้วนไม่ต้องกลัวเป็นหนี้ตามมา